4 ข้อที่ไม่ควรละเลยกับผช.ของคุณ

สามีภรรยาจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานๆ ความหวานรักความตื่นเต้นซึ่งกันและกันก็เริ่มหดหายเหือดแห้งไปตามกาลเวลา ราวกับเป็นเพื่อนร่วมห้อง อยู่กันไปตามหน้าที่ วุ่นแต่เรื่องลูก ถกแต่เรื่องเงิน จู้จี้แต่เรื่องบ้าน

โดยลืมไปว่าระหว่างตัวคุณกับสามีนั่นแหล่ะ ที่ต้องหมั่นเติมน้ำมันใส่ตะเกียงรักของพวกคุณกันด้วย เริ่มด้วยวิธีง่ายๆดังนี้

ข้อ1 : ติดปาก รบกวนช่วย..ขอบคุณ เสมอ

ไม่ใช่แค่มีมารยาทพูด รบกวนช่วยทำ ให้หน่อยนะคะ เวลาที่คุณต้องการให้เขาทำอะไรให้คุณ หากจงติดปาก “ขอบคุณ” ทุกครั้งหลังจากเขาทำอะไรให้คุณแล้วด้วย

เนื่องจากคำพูดเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า คุณซึ้งน้ำใจที่เขาทำให้จริงๆ ไม่ใช่เออทำมาเหอะ เป็นหน้าที่ ยังไงก็ต้องทำอยู่แล้ว

ลองกลับไปคิดสมัยอินเลิฟออпเดทกันสิคะ เวลาคุณผญ.อยากได้อะไรก็มักออดอ้อนขอเขาด้วยคำพูดไพเราะอ่อนหวาน มิใช่หรือ

(คุณผช.ก็เช่นกัน ตอนคุณขอสาวเจ้าแต่งงาน คุณพูดอย่างไรกับเธอล่ะ ถึงทำให้เธอโอเคเซย์เยสได้) ก็แค่ย้อนกลับไปใช้กลเม็ดเด็ดพรายมธุรสวาจาเดิม แล้วเขาก็จะพร้อมยินดีทำอะไรๆ ให้คุณสุดใจขาดดิ้นเลย

ข้อ2 : จุบทุกเช้า

ทุกเช้าคุณอาจยุ่ง ต้องรีบแต่งตัวฝ่ารถติดไปทำงาน ทว่าเจียดเวลาสักนิด จุ๊บ จุ๊บ สามีหน่อยปะไร เพราะการจูบทำให้รู้สึกถึงความรักความอ่อนโยน เป็นรอยสัมผัสที่นำไปสู่ความเสน่หา

นักจิตวิทยา l บอпว่า การจูบทำให้คุณนับถือตัวเองมากขึ้น เมื่อคุณถูกจูบ คุณจะรู้สึกเป็นสุข และรู้ว่ามีใครสักคนต้องการคุณ และนั่นทำให้คุณรู้สึกดีๆ กับตัวเอง

ยิ่งกว่านั้น การจูบยังทำให้ร่างกายห ลั่ งสา รที่จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มการสูบฉีดเลือด ร่างกายจึงฟิตมากขึ้น “จูบช่วยทำให้คุณฟิตขึ้น”

ที่ปรึกษาในการลดความเครียด ก็เผยข้อดีอีกว่า จูบเป็นเทคนิคอย่างหนี่งในการลดความเครียด เพราะตำแหน่งของปากในขณะที่จูบนั้น จะอยู่ในตำแหน่งใกล้จะยิ้ม ซึ่งในภาวะอย่างนี้จะพลอยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย

ถือว่า เป็นการเติมพลังซึ่งกันและกันตั้งแต่เช้า ทว่าไม่ต้องจัดเต็มนะคะ เดี๋ยวเครื่องติด! มิต้องออпไปทำงานกันพอดี

ข้อ3 : หมั่นกอดด้วยความรักใคร่

อานุภาพของการกอดมหาศาลนะคะ เมื่อมือของคุณยื่นออпไปกอดผู้อื่นยามมีปัญหานั้น มีพลังมากกว่าที่คุณคิด ในคอลัมน์ข่าวสา รการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ หนังสืออาหาร&สุขภาพ บอпไว้ว่ามีการค้นพบใหม่จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเวอร์จิเนีย และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวิสคอนซินว่า

การกอดช่วยทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวมีความเยือпเย็นลง นักประสาทวิทยาได้ให้สตรีที่สมรสแล้ว 16 คน มาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเครียด(พวกเธอทราบดีว่าได้รับการช็อคด้วยไฟฟ้าอ่อนๆ)

และพอให้อาสาสมัครชายที่มีความเป็นเพื่อนเข้ามาจับมือสตรีเหล่านั้นผลสแกนพบว่าส่วนของสมองที่ตอบสนองต่ออันตรายนั้น มีกิจกรรมลดน้อยลง

และผลยิ่งมากขึ้นได้อีกเมื่อผู้ที่ยื่น มือให้จับเป็นคู่สมรสของสตรีเหล่านี้เอง การสัมผัสในรูปแบบการกอด, โอบไหล่ ช่วยลดความกระวนกระวาย และลดปริมาณฮ อ ร์ โมนความเครียดที่สมองผลิตลงได้

หัวหน้านักวิจัย ยังระบุว่า”ที่จิตใจผ่อนคลายลงอาจเป็นเพราะมีใครบางคนอยู่ที่นั่นคอยช่วยเหลืออยู่” ใครบางคนอยู่ที่นั่น ก็คือ คู่สมรส

ดังนั้นคนรักกันต้องหมั่นกอดกันเป็นประจำนะคะ อย่ามัวเขินอาย เกรงใจลูกกันอยู่เลย แล้วคุณจะรู้สึกดี๊ดี ไม่เหงา ไม่กลัว ตรงกันข้าม กลับเกิดความภาคภูมิใจ มีใครสักคนรักเรา ห่วงเรา พร้อมมอบความอบอุ่นให้เราตลอดเวลา

ข้อ4 : ใช้สรรพนามให้เกียรติกัน

ห มายไปถึงทั้งบุรุษที่หนึ่ง-สอง-สาม ซึ่งขึ้นกับแต่ละคู่อายุห่างกันขนาดไหน คบกันในสถานภาพสังคมใด เริ่มต้นคบเรียกกันยังไง แรกๆ คบกันเรียก พี่

อยู่ด้วยกันแล้วเริ่มคุ้นเคยเรียก ตัวเอง จะใช้งานเรียก ที่รัก อารมณ์ไม่ดีทะ เลาะกัน ชั้น-เธอ มาเลย สาวนางนี้บอпยังไม่ถึงขั้นขึ้น กรู-มรึง!ค่ะ

การใช้สรรพนามระหว่างสามีภรรยามักหนีไม่พ้นช่วงเวลาความคุ้นเคยสถานภาพที่เปลี่ยนไป ทว่ามักหนีไม่พ้นภาวะอารมณ์เป็นเงื่อนไข ยิ่งเวลาเม้าท์มอยกับเพื่อนสาวด้วยกัน บางนางเรียกสามีซึ่งเป็นบุรุษที่สามว่า มัน ซะงั้น

ปิยวาจา พูดกันด้วยวาจาไพเราะ ขอคัดคำสอนจากมงคลชีวิตในประเด็นนี้มาบอп แม้การตักเตือนกัน ก็ต้องระมัดระวังคำพูด

ถ้าถือเป็นกันเองมากเกินไป อาจจะเกิดทิฐิ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูดไพเราะอย่างไร หลังแต่งงานก็พูดให้เพราะๆอย่างนั้น

จำไว้นะคะ หากคุณพูดให้เกียรติชายคนรักของคุณ คุณก็จะได้รับเกียรตินั้นกลับคืน มาค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.