ข้อคิดสอนใจ

“รักเดียว ใจเดียว” เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

ชายหรือหญิงที่มีคู่ครองแล้ว หากมีใครมาเกี่ยวข้องแทรกแซง กับคู่ของเราไม่ว่าฝ่ายใด อีกฝ่ายคงต้องทุกข์ใจไม่น้อย

“ชู้” อาจเป็นคำที่ เจ็บปวด มาก สำหรับบางคน

คำว่า ชู้ หมายความถึง การล่วงประเวณีในคู่ครองของคนอื่น

ในอดีต คำนี้ มักหมายถึงการกระทำของ ผู้ชาย เป็นส่วนใหญ่ ชายที่ไปร่วมอะไรกับภรรยาผู้อื่น อย่างนี้เรียกว่า “เป็นชู้”

ส่วนหญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตน ไปร่วมประเวณีกับชายอื่น ก็เรียกว่า “มีชู้”

แต่ปัจจุบัน เป็นชู้ หรือ มีชู้ ใช้เรียกได้ทั้งชายและหญิงและที่สำคัญในยุคนี้

หากใครมายุ่งกับคู่ครองของเราในทำนองชู้สาวอีกฝ่ายฟ้องเรียกค่าทดแทนได้

โดยฟ้องต่อศาลเรียกภาษาชาวบ้านว่า “ฟ้องชู้” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง

“สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้

และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย

เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้”

อย่างไรก็ตาม ดีที่สุด คือ ไม่ต้อง “มีชู้” และ ไม่ควร “เป็นชู้” มาว่ากันถึงเรื่อง มีชู้ กันเสียก่อน

ชายหรือหญิงที่แต่งงานเรียบร้อยแล้ว ควรอยู่ในศีล ข้อ 3 กาเมสุมิจฉา ไม่เปิดใจหรือปล่อยกายให้คนอื่นเด็ดขาด

หากความสัมพันธ์เริ่มมีปัญหาหรือสั่นคลอน ก็ควรปรับความเข้าใจ หรือ ยุติเลิกรากันไป ก่อนที่จะเปิดใจคบคนใหม่ ถึงจะถูกต้อง

ไม่ควรคบซ้อนกัน ในเวลาเดียวกัน เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ ไปไม่รอด

สุดท้ายความลับไม่มีในโลก ต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน และเราก็จะได้ชื่อว่า “มีชู้”

โดยเฉพาะในสังคมไทย หากเป็นฝ่ายหญิง อาจถูกประณามจากสังคม

และได้รับความเสียหายมากกว่าชาย จึงต้องระมัดระวังและใคร่ครวญให้ดี

ส่วนการ “เป็นชู้” กับภรรยาหรือสามี ของผู้อื่นนั้น ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน ไม่น่าเชื่อ บางคนมีทัศนคติถึงขั้นที่ว่า

ชอบแย่งภรรยาหรือสามีของคนอื่น ชนิดที่ว่า เอาจริงเอาจัง เข้าทำนอง จีบคนมีคู่ ดีกว่าจีบคนโสด

เพราะจีบคนโสด มีคู่แข่งหลายคน แต่จีบคนมีคู่ มีคู่แข่งเพียงคนเดียว แนวคิดแบบนี้ นับว่าอันตรายยิ่งนัก

อันตรายทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัวและสังคม คนที่ชอบไปยุ่งเกี่ยว กับภรรยาหรือสามีผู้อื่น

จึงต้องตั้งสติให้มาก หากรู้แน่ชัดว่า เขามีเจ้าของอยู่แล้ว ควรตัดใจเลิกยุ่งเกี่ยวทันที

เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในวังวนแห่งทุกข์ แต่อาจมีปัญหาว่า ช่วงที่คบตอนแรกไม่รู้

เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เขามีเจ้าของอยู่แล้วล่ะ คำตอบก็คือ เมื่อรู้แล้วก็ต้องเลิกกับเขา

อย่าไปสานต่อความสัมพันธ์อีกเด็ดขาด ที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป ที่เสียมาแล้วก็ให้เสียไป

คนไม่รู้ จะถือว่า ผิด ยังไม่ได้ แต่ถ้ารู้แล้ว ยังไม่หยุด ยังไม่เลิก อย่างนี้ถือว่า ผิด เต็มประตู

นี่แหละครับ เรื่องของ ชู้ ที่ต้องพูดถึงกัน ไม่ว่าจะเป็น เป็นชู้ หรือ มีชู้ ก็ต้องห้าม แม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรมอันดี

คำถามสุดท้าย ถ้าแค่ เจ้าชู้ ล่ะ พอได้ไหม คำตอบก็คือ เอาตามที่สบายใจของท่าน

คนเจ้าชู้ คือ คนที่หมกในทางชู้สาว ซึ่งจะว่าไปก็มีหลายระดับ

ถ้าระดับสายตายังพอไหว แต่ถ้าเลยไปถึงพฤติกรรม ก็ควรถามตนเองว่า ทำไปเพื่ออะไร และ ทำไปทำไม

ถ้าคิดว่ายังโสด มีสิทธิเลือก มีทางเลือก ก็ทำไป เพียงแต่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่หากมีคู่ครองเป็นตัวเป็นตน ก็ไม่เหมาะ

เพราะความเจ้าชู้ อาจนำไปสู่การเป็นชู้ หรือ มีชู้ได้ ตัดเหตุเสีย ผลก็จะไม่เกิด ปัญหาก็จะไม่มี

รักเดียว ใจเดียว ผัวเดียว เมียเดียว เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

Meko