นี่เป็นเรื่องจริงของทุกคนที่มีความรัก แน่นอนว่ามันไม่ได้มีแต่เรื่องสุขสมหวังไปตลอดเวลา บางครั้งมันอาจจะมีเรื่องทุกข์ใจเข้ามาอย่างที่ตัวเราเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน
อย่างไรเสีย เมื่อความรักมันจืดจางลงจนรู้สึกว่า ” หมดรัก ” ก็ต้องมีคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายไป ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราควรจะต้องทำใจยอมรับกับทุกอย่างที่มันจะเกิดขึ้น
1. ชอบหงุดหงิดใส่ ไม่พอใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เป็น เรื่องธรรมดาที่คนเป็นแฟนกันจะมีเรื่องทะ เลาะกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่หากเป็นเรื่องจุกจิกที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไร
แล้วเขามาหงุดหงิดใส่เรา ทำเหมือนไม่พอใจเราไปซะทุกเรื่อง แบบนี้ก็ดูไม่มีเหตุผลใช่มั้ยล่ะคะ นี่อาจจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นแล้วก็ได้ และเราอาจมีคำถามตามมาว่า ” ยังรักกันอยู่รึเปล่า? ”
2. ทำตัวห่างเหินกัน ไม่มีท่าทีสวีทหวานเหมือนแต่ก่อน
จริงอยู่ที่ใครๆ เขาว่ากันว่า ” เมื่อแรกรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน ” เมื่อความรักของคนสองคนดำเนิน มาได้สักพัก
อาจจะมีช่วงที่เรียกว่า ” หมดโปรโมชั่น ” อาจไม่ได้สวีทหวานกันเหมือนช่วงคบกันใหม่ๆ แต่ก็ไม่ได้ห มายความว่ารักนั้นจะจืดจางลงไปนี่!
ใน สภาวะแบบนี้ สามารถตีความได้ 2 แบบ คือ 1. ความรักของคุณทั้งคู่เดินทางมายาวนาน
แม้จะไม่มีทีท่าสวีทกันทั้งต่อหน้าและลับหลังคนภายนอก แต่คุณทั้งคู่ก็ยังรู้ดีว่ารักกันอยู่ การพูดว่ารักจึงไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไรมากนัก
และ 2. ความรักของคุณทั้งคู่จืดจางลง โดยเฉพาะหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีท่าทีที่เฉยเมย เย็นชา
จนรู้สึกว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรเราอยู่รึเปล่า? ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจกัน
หาก เป็นแบบข้อ 1 ก็เป็นเรื่องดีค่ะที่ความรักของพวกคุณดำเนิน มาอย่างราบรื่น ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา ในขณะเดียวกันถ้าหากเป็นแบบข้อ 2 ก็เริ่มน่าคิดมากขึ้นแล้วล่ะ
3. ไม่มีเวลาให้ / ติดธุระตลอด
นอกจากจะทำตัวห่างเหินแล้ว ยังมีเวลาให้กันน้อยลงอีก อันนี้เริ่มน่าคิดแล้วล่ะค่ะ คิดดูนะว่าคนเราต่อให้ยุ่งตัวเป็นเกลียว
งานหนักขนาดไหน อย่างน้อยก็ต้องมีเวลามาติดต่อหรือมาเจอแฟนบ้าง แม้จะเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเถอะ
เพราะถึงจะได้อยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาเพียงน้อยนิด มันก็ถือเป็นเวลาที่มีค่ามาก ที่จะได้เห็นหน้า สบตา ได้ยินเสียงของกันและกัน
ถ้าหากว่าแฟนของคุณไม่ว่างเพราะมีเหตุผลที่ฟังขึ้น ติดงานด่วน หรือมีธุระสำคัญต้องสะสางจริงๆ อันนี้ก็ต้องเห็นใจเขา เป็นกำลังใจให้เขา (เพราะเขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ อย่างที่บอก ) แต่ถ้าหากเขาบ่ายเบี่ยง ไม่ว่างที่จะมาเจอเราหรือคุยกับเราเลย มันก็เริ่มน่าคิดแล้วล่ะค่ะ ว่าเขาต้องมี Something Wrong แน่ๆ
คำ ว่า ” ไม่ว่าง ” ที่เขาพูด มัน มีน้ำหนักให้เชื่อได้อยู่ 2 ทาง คือ 1. ไม่ว่างจริงๆ และ 2. เป็นข้ออ้างที่จะไม่มาพบเรา ณ
จุดนี้คุณต้องพิจารณาเอาเอง ซึ่งเราว่ามันไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เซนส์ที่คุณมี มันจะบอกคุณเอง!
4. มีโลกส่วนตัวมากขึ้นจนดูผิดปกติ
ถ้าเกิดว่าคุณกับคนรักได้เจอกันบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน คุณทั้งสองคนย่อมจะรู้นิสัยใจคอ ความชอบ และพฤติกรรมกันดี แต่หากวันใดวันหนึ่ง เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปล่ะ?
ประมาณว่าแอบมีความลับกับเรา ไม่ชอบให้เรามายุ่งวุ่นวาย ถามอะไรเซ้าซี้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขาเวลาที่อยู่นอกบ้าน อันนี้ก็น่าคิดแล้วว่าคนของคุณต้องมีอะไรปิดบังคุณอยู่แน่ๆ
และเรื่องนี้ก็ไม่อยากให้คุณรับรู้ด้วย! ที่หนักไปกว่านั้น หากเขาดูติดโลกโซเชียลมากกว่าปกติ เอาแต่นั่งดูมือถือ นั่งแชทในทุกๆ ครั้งที่เจอกัน
แบบนี้ก็น่าสงสัยค่ะ คิดดูสิ มาเจอกับแฟน แต่นั่งแชท นั่งจ้องจอมือถือประหนึ่งว่าแฟนไม่ได้อยู่ด้วย
พอถามก็พยายามบ่ายเบี่ยงว่าคุยงานบ้าง ในบางกรณีหากถามมากเข้าหน่อยก็จะโดนหงุดหงิดใส่
หาว่ายุ่งเรื่องส่วนตัวบ้าง คือถ้าสนิทใจกันจริงๆ ก็ไม่เห็นจะต้องโกรธกันเลย จริงมั้ย?
5. ประ ชดประชัน ยกข้ออ้างมาบอกเลิก
มา ถึงข้อสุดท้ายค่ะ ที่สุดของที่สุด หากมีสัญญาณใน 4 ข้อที่ผ่าน มาเกิดขึ้นกับคุณ ยอมรับได้เลยค่ะว่ายังไงๆ มันก็คงจะต้องมาถึงจุดนี้ จุดที่เขาคงไม่เหลือความรักให้เราแล้ว
บางคู่คบกัน มานานจนหวังจะสร้างอนาคตด้วยกัน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรมาทำให้กระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อย มันก็อาจเป็นช่องให้อีกฝ่ายใช้โอกาสนี้ในการบอกเลิกได้โดยง่าย
ด้วยเหตุผลแย่ๆ ว่า ” เพราะเธอไม่เชื่อใจกัน ” ใน กรณีนี้ จริงอยู่ว่าการไว้เนื้อเชื่อใจคนรักเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย แต่หากแฟนของคุณมีพฤติกรรมดังที่กล่าวมาก่อนหน้านี้
คุณยังจะเชื่อใจเขาได้ต่อไปมั้ยคะ ( เชื่อก็โง่เต็มทนแล้ว ) ไม่ว่าจะยังไงอยากให้ตั้งสติกันดีๆ นะคะ เข้าใจว่าบางคนเจอเรื่องแบบนี้ก็คงต้องมีช็อคกันบ้างแหละ เราเข้าใจนะ
ยิ่งรักมากก็เจ็บมาก ต้องดื่มน้ำใบบัวบกกันเป็นลิตรๆ เลยสินะสำหรับบทความนี้ เสียใจได้ ร้องไห้ได้ เศร้าได้ค่ะ ไม่มีใครห้าม เอาความอัดอั้นตันใจออกให้หมด
แล้วลุกขึ้น มาเดินหน้าต่อไป มีอะไรในชีวิตต้องทำอีกเยอะ มากกว่าจะมาเสียเวลาพร่ำเพ้อถึงคนคนเดียว การที่เขา ” เขี่ยเราทิ้ง ” มันก็ไม่ได้ห มายความว่าเราจะไม่มีค่าอะไร ทุกคน มีคุณค่าในตัวเองค่ะ อย่าปล่อยให้คนคนเดียวมาทำลายชีวิตเราให้ไม่เป็นชิ้นดี