การที่ผช.จะตัดสินใจแต่งงานกับผญ.สักคน ไม่ใช่แค่อยู่บนพื้นฐานของความรักและเขาอยากสร้างครอบครัวกับคนที่รัก
แต่ผช.เขายังคาดหวังด้วยว่า ผญ.ที่จะมาเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคตนั้น
จะต้องเป็นภรรยาที่ดีและที่สำคัญต้องไม่เปลี่ยนไปเป็นหน้ามือเป็นหลังมือหลังจากแต่งงาน เพราะถ้าภรรยามีนิสัย ‘มนุษย์เมีย’ ที่น่าเอือมระอา
นานวันเข้าอาจจะกลายเป็นปัญหาครอบครัวที่ไม่ใช่แค่ผัวเมียทะ เลาะผิดใจกัน แต่อาจนำไปสู่การหย่าร้างขึ้น มาในภายหลังก็ได้
ฉะนั้นสาวๆ รีบเช็คด่วนว่าคุณมีนิสัยเหล่านี้ติดตัวหรือไม่! ก่อนที่เรื่องเล็กๆ จะความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณเปลี่ยนไป
1. เมียที่ขี้บ่น
นิสียจู้จี้ขี้บ่นดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนรักกันที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ซึ่งถ้าหากว่าภรรยาบ่นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะรับกันได้ อย่างเรื่องความเป็นระเบียบในบ้านหรือเรื่องลูกๆ บ้าง
ก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ถ้านิสัยส่วนตัวของภรรยาเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น บ่นได้ทุกเรื่องตั้งแต่เช้ายันเย็นเป็นประจำทุกวันอย่างนี้ละก็ เชื่อเหอะว่าสามีคนไหนก็ทนไม่ได้
2. ใช้เงินเปลือง
ไม่มีสามีคนไหนชอบภรรยาที่มีนิสัยใช้เงินแบบมือเติบ ยิ่งถ้าคุณเป็นขาช็อปที่ใช้เงินเก่งโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง มีหวังต้องเลิกกันเพราะปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ
โดยเฉพาะในกรณีที่สามีภรรยากระเป๋าเงินเดียวกันด้วยแล้ว บอกเลยว่าเงินคือเรื่องยิ่งใหญ่ในครอบครัวอันดับต้นๆ ที่คู่แต่งงานจะมองข้ามไม่ได้
ฉะนั้น การจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อส่วนตัวก็ตาม ควรจะปรึกษาหารือกันก่อน
อย่างน้อยๆ ก็จะได้คิดก่อนที่จะใช้เงิน ไม่ให้เป็นปัญหาบ้านแตกในภายหลัง
3. เซ็пส์ที่ไม่สุขสมหรือไม่สามารถเติมเต็มความต้องการให้แก่กันได้ดังแต่ก่อน
เรื่องจริงของชีวิตคู่คือเราไม่ได้นอนจับมือหรืออยู่ด้วยกันเฉยๆ ฉะนั้นไม่ต้องแปลใจเลย ถ้าหากว่าเซ็пส์จะเป็นตัวแปลสำคัญที่บอกถึงความสัมพันธ์
ว่าคู่แต่งงานจะรักกันไปยาวนานหรือจะหย่าร้างกันในเร็ววัน เพราะผช.เขามีความต้องการและต้องการเซ็пส์ที่สุขสมจากคนของตัวเอง
แต่ถ้าภรรยาไม่เล่นด้วย น่าเ บื่ อ ไม่ชอบมีเซ็пส์ ไม่สามาถเติมเต็มสิ่งที่ต้องการให้กันได้ งั้นก็อย่าแปลกใจถ้าสามีจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยโดยที่คุณไม่รู้!
4. เอาปัญหาภายนอกเข้ามาในบ้าน
อย่าเป็นภรรยาที่ชอบทำตัวเป็นกระดาษซับความทุกข์ให้คนอื่น! เช่นว่ามีเพื่อนหรือญาติจำเป็นใช้เงินซึ่งเป็นทุกข์ของเขา
แต่เรา กลับเอาความทุกข์มาเป็นของเรา ต้องเที่ยวไปหยิบยืมเงินคนโน้นคนนี้จนทำให้คนในบ้านเกิดอาการ “ปรี๊ดแตก”
เพราะปัญหาในบ้านตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่ดีแน่ หากจะช่วยญาติหรือเพื่อนจริงๆ ควรจะเป็นแนวทางอื่นที่ไม่ทำให้คนในครอบครัวของเราต้องเดือดร้อนไปด้วย