ปัญหาของคู่รักหรือคู่สามีภรรยา คงหนีไม่พ้นการทะ เลาะ มีปากมีเสียงกัน ซึ่งบางคู่อาจทะ เลาะกันทุกวัน และเกิดจากเรื่องที่ไม่เข้าใจจะเรื่องเล็กน้อย
จนไปถึงเรื่องใหญ่และเลิกรากันในที่สุด ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้แค่เรื่องทะ เลาะกันเล็กๆน้อยจะลามไปถึงปัญหาการเลิกรา หย่าร้าง กันใช่ไหมคะ
ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ทะ เลาะด้วย หรือพูดง่ายๆ มีสติตั้งมั่นตั้งค่ายให้แข็งแรง อย่าให้อารมณ์โกรธปะทุออกไปได้ ต้องนิ่ง อดทนต่อคำเสียดสีต่อว่า
ใช้ปัญญาวิเคราะห์แจกแจงว่าอีกฝ่ายโกรธด้วยเหตุผลกลใด เพราะบ่อยครั้งที่โกรธก็มาจากเหตุ “เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง” คือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือ “ตีความผิด” หรือ “เข้าใจผิด” การค้นหาสาเหตุจะทำให้เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา และพยายามทำความเข้าใจกับความไม่พอใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า ควรเอามาเป็น “เรื่อง” หรือไม่
ประเมินสถานการณ์ว่า จะพูดจาหารือกันได้หรือไม่ ถ้าได้ก็เอ่ยขอเลยว่า ขอเวลาสัก 2-3 นาที ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อทำความเข้าใจ และขอให้ฟังให้จบก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการทะ เลาะต่อว่าให้ร้ า ยอีกฝ่ายหนึ่ง
เปลี่ยนวิธีการหารือใหม่ หากพิจารณาสถานการณ์แล้วพบว่า อารมณ์ไม่เอื้ออำนวย พูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล อาจกลายเป็นการ “ต่อความยาว สาวความยึด” ให้เปลี่ยนเป็น “เขียนให้อ่ า น” แทน “คำพูดจา” เพราะการเขียนจะทำให้อธิบายได้ครบถ้วน ไม่หลุดประเด็น และการอ่ า นจะทำให้ผู้อ่ า น มีสติไตร่ตรองรอบคอบมากขึ้น
ทอดอารมณ์เพื่อจะได้มีเวลาคิด เมื่อ อีกฝ่ายได้อ่ า นแล้ว ทิ้งช่วงเวลาสักวันครึ่งวันเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีเวลาทบทวนขบคิดและอารมณ์ โกรธเบาบางลง เมื่อดูท่าทีอ่อนลงแล้วค่อยขอพูดคุยด้วยจิตไมตรี หลีกเลี่ยงการต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่ง เน้นคำ “ขอโ ท ษ” ถ้าหากทำให้เข้าใจผิด ใช้ความอ่อนน้อสอบความแข็ง ใช้เมตตานำทางฝ่าคลื่น มรสุม
ปิดท้ายด้วยการเชิญชวนทำกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ อาทิ ดูหนัง รับประทานอาหารกันนอกบ้าน ชอปปิ้งท่องเที่ยว ไปทำบุญ เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและสร้างความใกล้ชิดในชีวิตคู่หรือแม้แต่ “กิจกรรมพิเศษ” ตามประสาคู่ผัวตัวเมียก็ยิ่งดี เพราะถือเป็นการต่อท่อโดยตรงตามคำโบราณ “จิตประสานกายสัมพันธ์”