เรื่องของการบำเพ็ญบารมีระหว่างพระโพธิสั ต ว์ และนางแก้วนั้น แต่ละท่านก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ
เนื่องจากทุกอย่างนั้นเกิดจากกรรมที่ต่างสร้างกัน มาแต่อดีต ชาติใดเกิดมารักใคร่ปรองดองกันดี เกิดจากกุศลกรรมส่งผล
ชาติใดที่ไม่เข้าใจกัน มีปัญหาเกิดขึ้น มาต่างๆ กันก็เกิดจากอ กุศลกรรมที่ต่างร่วมสร้างกัน มา หลายท่านคิดว่าเป็นบททดสอบว่า จะร่วมเดินทางต่อไปอีกหรือไม่
ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และผู้ปรารถนานางแก้วนั้น อาจจะเคยอธิษฐานครองคู่กันหลายท่าน
ระหว่างที่สร้างบารมีในแต่ละคู่นั้น จะมีบททดสอบมากมาย อันเกิดจากกรรมที่กระทำร่วมกันในอดีต มีเหตุให้หลายคน
ต้องอธิษฐานลาขาดกันไป ไม่ขอติดตามสร้างบารมีร่วมกันอีก ยกเว้นกรณีที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ลาพุทธภูมิ เพื่อเข้าพระนิพพาน หรือเพื่อปรารถนาอย่างอื่น
การคัดกรองคู่บารมีจะเป็นไปอย่างเข้มข้น มีบททดสอบแล้วทดสอบอีก จนกระทั่งเหลือเพียง ๑ คนเดียวที่ปรากฏไม่เกิน ๓๐ ชาติสุดท้าย
จะเป็นคนสุดท้ายที่จะครองคู่กันจนกว่าพระโพธิสั ต ว์จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ ทีนี้มาดูลักษณะของคู่แท้คู่บารมี มีดังนี้
๑) มองตาก็รู้ใจ พบกันครั้งแรกจะรู้สึกแบบรักแรกพบ
ไม่ต้องเอ่ยคำอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเข้าใจทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
๒) โอนอ่อนผ่อนตามกันทุกเรื่อง
๓) เมตตาต่อ กันดุจบิดามารดาเมตตาต่อบุตรของตน
๔) ปราศจากคำว่า หึงหวง ริษยา หรืออา ฆ า ตต่อ กัน
๕) พร้อมจะเป็นผู้เสียสละความสุขให้แก่กันได้เสมอ และทุกเวลา
๖) พร้อมจะเป็นผู้ให้ และผู้รับ ซึ่งกันและกัน
๗) ทุกครั้งที่ฝ่ายหนึ่งมีทุกข์ กระแสใจจะเชื่อมความรู้สึกถึงอีกฝ่ายทันที
คล้ายใจที่เชื่อมถึงใจ กรณีที่อีกฝ่ายเป็นนักปฏิบัติธรรมขั้นสูง
จะช่วยบรรเทาความทุกข์ให้ได้ทันที
๘) สามารถให้อภัยให้แก่กันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในกรณีที่อีกฝ่ายทำผิดพลาดไป
๙) รักษาทรัพย์ หรือผลประโยชน์ของกันและกัน
๑๐) อยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่นอ กใจกัน
นี้คือลักษณะของคู่บารมีโดยแท้ หลายท่านคิดว่า จะไปหาที่ไหนคู่แบบนี้
ขอเรียนว่า มีจริงในโลก ถึงแม้ไม่ได้เข้าข่ายหมดทุกข้อ เพียงแค่ ๓ ข้อ ก็ถือว่า มากพอที่เรียกว่า เป็นคู่แท้คู่บารมี