ข้อคิดสอนใจ

วิธีใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่ เพื่อทดแทนท่านในชาตินี้

วิธีใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่ ความจริงแล้วทำได้ไม่ยากเลยค่ะ แค่หมั่นสร้างความดีให้กับตัวเอง โบราณท่านว่า ร่างกายเรานั้น พ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองมาอยู่ในตัว ในบั้นปลายชีวิตหากเรามีครอบครัว ก็คงอยากให้ลูก

หลานเรามาดูแลเราในยามแก่เฒ่า แต่ถ้าหากว่าในตอนนี้คุณยังไม่ดูแลพ่อแม่ บางคนถึงขั้นรู้สึกว่ารัง เกียจพ่อแม่ด้วยซ้ำ อย่างนี้เป็นการสร้างเวรกรรมกันต่อไปไม่มีสิ้นสุด

1. กราบเท้าพ่อและแม่ ก่อนออ กจากบ้าน 3 ครั้งเป็นประจำ(ในกรณีที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน หากไม่ได้อยู่ด้วยกันกราบรูปท่านก่อนออ กจากบ้านแทนก็ได้) เนื่องจากพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก

และที่สำคัญอย่ายืนค้ำหัวคุยกับท่าน ให้อยู่ในระดับที่ต่ำลงมานิด เพื่อแสดงถึงความเคารพท่าน

2. ทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน ในกรณีที่พ่อแม่ได้ล่ ว งลับไปแล้ว การทำเช่นนี้ถือเป็นการได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

3. นำธูปเทียนแพ กราบขอขมาลาໂ ท ษ ขออโหสิกรรม และล้างเท้าท่านในทุกครั้งที่มีโอ กาส อย่างเช่นวันสำคัญต่างๆ หรือวันที่คุณรู้สึกเหนื่อย ท้อ ต้องเจอ กับอุปสรรคต่างๆ พรจากท่านจะช่วยให้คุณผ่านเรื่องราวร้ า ຢๆ

ไปได้

4. อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ เพราะเพียงแค่คิดคุณก็จะทำมาหากินไม่ขึ้นแล้ว หากมีพลั้งพลาดไปแล้ว หาทางแก้ด้วยการไปขอขมาแล้วเจริญกรรมฐาน จะช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้

5. อย่าเถียงพ่อแม่ เพราะชีวิตจะไม่ก้าวหน้า ดังคำโบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า ” คน มีบุญวาสนาจะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อแม่เอาดีไม่ได้ และคนที่ไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปีก็ไม่ช่วยอะไร ”

6. วิธีการขออโหสิกรรม ให้เตรียมน้ำโรยดอ กมะลิไปหนึ่งขัน แล้วพูดว่า “กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โย โทโส อันว่าໂ ท ษใดความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอ

ใหคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี่ คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย” หลังจากนั้นราดน้ำรดมือ รดเท้า

7. เมื่อแยกย้ายไปมีครอบครัว อย่าลืมท่าน!! มีเวลาว่างกลับมาเยี่ยม มาทำอาหารทานข้าวร่วมกัน เมื่อท่านพูดสอน ตักเตือน ให้รับฟังอย่างตั้งใจ

” พ่อแม่ เป็นพระอรหันต์ของลูก ไม่ต้องตระเวนหาพระวัดดัง บริจาคข้าวของให้สิ้นเปลือง

แค่หัน มาดูแลพ่อแม่ในยามแก่เฒ่า เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุณได้ชดใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่แล้ว “

Meko