1. อ ย า ก อะไรต้องได้
นิสัยแรก ที่ทำให้การเงินพัง ก็คือคนที่เต็มไปด้วยความ อ ย า ก ได้และต้องได้ ที่จริงแล้วความ อ ย า ก ได้ ไม่ได้บ้างก็ได้ เพราะถ้า อ ย า ก ได้ไปเสียทุกอย่าง การเงินพังแน่ๆ และคนที่ อ ย า ก ได้อะไรต้องได้ มักจะไม่มีระบบการจัดการเงิน ทำให้เงินไม่พอใช้ เงินเดือนหมดก่อนเวลาอันควร
ต้องหยิบยืมเพื่อ ให้ใช้ชีวิตต่อได้ กลายเป็นหนี้ในที่สุดก่อนอื่นเลยถ้า อ ย า ก ได้อะไรสักอย่างหรือหลายๆ อย่าง ลองคำนวณมูลค่าสิ่งเหล่านั้น ดูก่อนแล้วหันกลับมามองที่รายรับของตัวเองว่าสัมพันธ์กันหรือไม่ การจัดการเงินที่ดีในเรื่องของความ อ ย า ก ได้
แนะนำว่า ให้ต่อเดือนกำหนดงบไว้เลยว่าจะใช้เงินไปกับความ อ ย า ก ได้เท่าไร และห้ามใช้เกินนั้น หากของชิ้นไหนที่ต้องผ่อน ก็ให้เอามูลค่าเงินผ่อนนั้นใส่เป็นค่าใช้จ่าย ที่ต้องจ่ายให้กับความ อ ย า ก ได้รายเดือน (จนกว่าจะผ่อนครบ) แล้วดูว่ามูลค่าผ่อนนั้นเต็ม โ ค ว ต้ า ความ อ ย า ก ได้ที่กำหนดไว้ต่อเดือนหรือยัง
ถ้ายังก็สามารถ อ ย า ก ได้อย่างอื่นได้ แต่ถ้ามันเต็ม โ ค ว ต้ า งบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว ก็ไม่ควรจ่ายกับความ อ ย า ก ได้อะไรอีก
2.ตื่นสาย
ดูเผินๆ นิสัยตื่นสายอาจไม่เกี่ยว กับปัญหาเงินไม่พอเท่าไร แต่สำหรับบางคนเมื่อตื่นสายแล้ว จะกระทบกับเวลาชีวิต ทำให้ต้องรีบไปทำงานด้วยการเดินทางแบบพิเศษ (ที่ไม่ใช่การเดินทางแบบปกติในชีวิตประจำวัน) เพื่อให้ไปทำงานทันเวลา อาทิ Taxi (แทนรถประจำทาง) มอไซต์รับจ้าง (แทนการเดินเข้าซอย) ฯลฯ
ไม่เพียงเท่านั้น บางคนยังมีในเรื่องของการโดน ปรับเงินเดือนด้วย นั่นเองที่ทำให้นิสัยชอบนอนตื่นสายกลายเป็นปัญหาการเงิน ยิ่งถ้าโดนปรับเงินเดือน มากๆ อาจจะเงินเดือนหมดได้ง่ายๆ ด้วย ดังนั้นการตื่นให้ทันเวลา ก็อาจเป็นการจัดการเงินที่จำเป็นต้องทำ
3.รักสบาย
นิสัยรักสบายเป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่ทำให้เงินไม่พอใช้ อย่างเช่นระยะทางที่สามารถเดินได้สำหรับคนทั่วไป แต่อาจมีบางคนที่ไม่ยอมเดิน แต่เลือ กใช้ บริการรถรับจ้างแทน หรือแม้แต่งานบ้านบางอย่างที่อาจทำเองได้ อาจมีบางคนจ้างตลอด อย่างเช่นการซัก รี ด เป็นต้น
หรือไม่ก็จะมีคนบางกลุ่ม ที่ไม่ยอมล้างจาน แต่เลือ กใช้จานกระดาษแทน ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่าย ตรงนั้นเองที่เรียกว่ารักสบาย จนทำให้การเงินเดือดร้อน เงินเดือนหมดก่อน ถึงเวลา
ฉะนั้น อ ย า ก แนะนำว่าถ้าหากต้องการจัดการเงินให้ดีจริงๆ ควรตัดความสบายบางอย่าง ออ กไปบ้าง อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ควรใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผลและสัมพันธ์กับรายรับด้วย
4.ใจดีเกินเหตุ
ใจดีเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรมากเกินไป ยิ่งถ้าความใจดี นั้นรบกวนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยิ่งไม่ควร โดยนิสัยใจดีเกินเหตุที่เบียดเบียนการเงิน ซึ่งพบได้บ่อยก็คือเลี้ยงเก่ง ชอบเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ เลี้ยงขน ม คนอื่นๆ ไปทั่ว หรือแม้แต่บางคน มีนิสัยให้ยืมเงินเก่ง
รวมถึง บ ริ จ า ค เก่ง จริงๆ แล้วการ แ บ่ ง ปั น เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วยว่าสมเหตุสมผล หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วการเป็นผู้ให้ที่มากเกินไป ก็ทำให้เงินไม่พอใช้ได้เหมือนกัน
5.สังสรรค์เก่ง
แน่นอนว่าคนเรามีสังคมก็ต้องมี การสังสรรค์เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามัน มากเกินไป ก็ทำให้การเงินพังได้เหมือนกัน ฉะนั้นคนที่มีนิสัยรักการสังสรรค์ อาจต้องเบาๆ ลงหน่อย ต้องกำหนดว่าเดือนนึง ควรใช้จ่ายไปกับการสังสรรค์เท่าไร แล้วก็หัดปฏิเสธไปบ้าง ไม่จำเป็นต้องไปทุกงานก็ได้
เพราะเท่าที่พบเห็นได้บ่อย อาจมีบางคนที่เดือนๆ นึงไม่ค่อยซื้ออะไร แต่เงินหมดไปกับการสังสรรค์แบบถี่ยิบ ทำให้เงินเดือนหมดก่อนถึงเวลา เงินไม่พอเก็บบางครั้งก็ไม่พอใช้ด้วย จึงควรจัดการเงินในส่วนนี้ให้ดี
6.ไปทุกทริป
อาจเป็นนิสัยของคนชอบเที่ยว ยิ่งถ้าเพื่อนชวน เป็นต้องพลาดไม่ได้ จะต้องมีฉันอยู่ในทุกๆ ทริปของเพื่อนฝูง ยิ่งเพื่อนเยอะ ก็ยิ่งต้องร่วมทริปบ่อย ก๊วนโน้นที ก๊วนนี้ที ทำให้การเงินพังได้เหมือนกัน
ดังนั้นจึงควรจัดการเงินให้ดีในเรื่อง ของการใช้จ่ายไปกับทริปเที่ยว เพื่อให้สมดุลกับรายรับ จะได้ไม่เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้แบบที่แล้วๆ มา
7.ไม่มีวินัย
สุดท้ายแล้วทุกนิสัย ที่กล่าวมา อาจเกี่ยวกับนิสัยในข้อนี้ นั่นก็คือความไม่มีวินัยในตัวเอง เพราะต่อให้จัดการเงิน และวางแผนดียังไง แต่ถ้าไม่มีวินัย ยังหักห้ามใจไม่ได้ ยังใช้เงินเกินงบที่วางไว้ยังแอบเอาเงินส่วนที่เป็นเงินเก็บมาใช้จ่าย
หรือยัง อ ย า ก ได้โน่นนี่เกินความจำเป็น สุดท้ายปัญหาเงินไม่พอหรือเงินเดือนหมดก่อนสิ้นเดือน ก็จะไม่มีทางหายไป กลายเป็นปัญหาเ รื้ อ รั ง ย าวไปจนถึงหนี้สินที่ไม่สามารถจัดการได้
การจัดการเงินที่ดี สุดท้ายแล้ว ก็ต้องจัดการที่นิสัยตัวเองก่อน หากมีนิสัยที่พึงประสงค์ มีวินัยในตัวเอง การจัดการเงินที่ดีก็จะตามมาและแก้ไขปัญหาได้สำเร็จในที่สุด มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ ไม่มีปัญหาเงินเดือนหมดก่อนสิ้นเดือนแน่นอน