ขึ้นชื่อว่า “หนี้” คงมีใครอยากจะมี ด้วยกันทั้งนั้น แต่ในยุคบริโภคนิยม เช่นปัจจุบันนี้ การไม่มีหนี้สินใด ๆ เลยอาจห ม ายถึงการไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วยเช่นกัน ก็เพราะทุกคนไม่ได้เกิดมามีความพร้อมในด้านเงินทอง ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน มาเพื่อตอบสนองความต้องการ
เช่น ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ อย่างที่อยู่อาศัย เป็นต้นแม้ว่าการเป็นหนี้จะทำให้เรามีความทุกข์กังวลใจและไม่สบายใจ ตลอดเวลาที่เป็นหนี้ บางคนเป็นทุกข์จนไม่เป็นอันทำอะไรสุดท้ายกลายเป็น มีหนี้สินก้อนโตมากขึ้น กว่าเดิม บางคนอาจใช้เวลาไม่กี่ปีก็สามารถผ่อนหมด
แล้วสำหรับของชิ้นเล็ก ๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือแต่สำหรับการ ติดหนี้ ก้อนใหญ่อย่างรถยนต์ บ้าน คอนโด จำนวนเงินก็มากตามไปด้วยอาจต้องใช้เวลาห้าปี สิบปี ก็เป็นได้กว่าจะปลดหนี้สินให้หมดลง การกู้เงิน
และการขอสินเชื่อเป็นหนึ่งในวิธีนำเงินในอนาคตมาหมุนเวียนใช้จ่ายซึ่งเป็นพฤติกรรมการใช้เงินที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบันสำหรับผู้ที่มีเงินเดือน และต้องการแหล่งเงินทุน มาจับจ่ายใช้สอยหรือต้องการลงทุนอะไรสักอย่าง แม้ว่าจะเป็นอีกทางเลือ กที่ช่วยให้คุณมีชีวิต ที่สบายขึ้นได้
แต่ก็ทำให้คุณเป็นทุกข์ได้มากเช่นกันแต่ทว่าประโยชน์ของบัตรเครดิตนั้นขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละบุคคล หากคุณต้องการนำเงินจากบัตรเครดิต เพื่อทำธุรกิจ อาจจะต้องการยอมเป็นหนี้ในตอนแรกแล้วกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ในภายหลังก็เป็นอีกแนวคิด ที่พลิกชีวิตบางคนไปเลยก็ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่เราจะตัดสินใจเป็นหนี้ จำเป็นต้องศึกษาให้ดีเสียก่อนว่ามีข้อ กำหนดอย่างไรมีการจ่ายดอ กเบี้ยอย่างไร ในอัตราเท่าไหร่ รวมไปถึงต้องแน่ใจแล้วว่าเราสามารถผ่อนจ่ายหนี้ ก้อนนี้ได้ ต้องรู้ถึงความรับผิดชอบของตัวเองและต้องมีความซื่อสั ต ย์
ที่จะจ่ายหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากหากเราไม่แน่ใจว่าจะจ่ายคืนได้หรือไม่ ก็ไม่ควรเกิดความโลภใช้จ่ายเกินตัว จนก่อหนี้ก่อสินเป็นภาระให้ตัวเองและครอบครัวในที่สุด
ในที่นี้จะกล่าวถึงกรณีที่คุณเป็นหนี้ขึ้น มาแล้ว จะมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านพ้น วิ ก ฤ ต การณ์ชีวิตครั้งนี้ไปได้
4 วิธีคิด สุขได้เต็มร้อยแม้ชีวิตยังติดหนี้
1. ต้องกล้าที่จะยอมรับความความจริง
เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อชีวิตเกิดปัญหา เราต้องตั้งสติให้ได้เสียก่อน ไม่คิดໂ ท ษตัวเอง จนเกินเหตุเพราะการจมอยู่กับปัญหาด้วยความคิดเดิม ๆ นอ กจากเราจะมองไม่เห็นทางออ กแล้วยังจะพาลทำให้จิตใจห่อเหี่ยว เ ศ ร้ า ห ม อ ง จิ ต ต ก จนไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น
การเผชิญหน้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ เพราะหากไม่ยอมรับถึงการกระทำของตัวเองให้ได้เสียก่อน ก็เป็นการยาก ที่เราจะผ่านพ้นปัญหานั้นไปได้ การมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันรู้ว่าเราทำอะไรอยู่และจะต้องทำอะไรต่อไปในอนาคต
คือจุดเริ่มต้นของทางออ กแห่งปัญหา เมื่อมีสติแล้วการหาทางแก้ไข คงไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปนัก ขอเพียงคุณมีกำลังใจที่ดี มีภูมิคุ้มกันและใช้สตินำทางอยู่เสมอ
2. ทบทวนถึงเหตุผลของการเป็นหนี้
เมื่อเรายอมรับความจริงได้แล้ว ว่ามีหนี้สิน มากน้อยเพียงไร จากนั้นจึงควรทบทวนถึงต้นเหตุแห่งการเป็นหนี้ว่าทำไมเราจึงมีหนี้ก้อนนี้ขึ้น มา อาจเป็นการกู้ซื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อสร้างครอบครัว ซื้อรถยนต์เพื่อใช้ในครอบครัว
หรือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อ การลงทุน เหล่านี้ล้วนเป็น “หนี้สิน” ที่ถือเป็นการสร้าง “ทรัพย์สิน” ให้กับชีวิตแม้ว่าจะต้องแบกรับภาระก้อนโต และใช้เวลาหลายสิบปี กว่าจะผ่อนหมดได้ แต่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะในอนาคตสิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นสมบัติของเรา
และสามารถเป็น มรดกตกทอดไปยังลูกหลานได้อีกด้วย หากคุณมีหนี้ในลักษณะนี้ขอให้คุณทำใจให้สบายและปรับทัศนคติเสียใหม่ จงเห็นคุณค่าในตัวเองให้มากขึ้น อย่านึกเสียใจในการตัดสินใจซื้อเพราะ มันคือหนี้สินที่คุณได้คิดไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดี
3. เรามีความสามารถที่ยังไม่ได้ใช้
ในยามที่หนี้สินท่วมหัวหันไปทางไหน ก็ไม่มีใครยื่น มือมาช่วย อาจเพราะได้ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นรอบตัวเสียหมดแล้ว ภาระที่มีช่างมากเหลือเกินทำงานแสนเหน็ดเหนื่อย เงินที่ได้มาในแต่ละเดือน ลำพังจะใช้สอยกับเรื่องจำเป็นแทบไม่พอแล้วยังต้องเจียดบางส่วน มาใช้หนี้อีก
ทุกอย่างดูมืดแปดด้านไปเสียหมด อยากให้คุณทบทวนถึงความสามารถของตัวเอง ว่าทำอะไรได้บ้าง อาจเป็นความชอบส่วนตัวหรืองานอดิเรก เช่น ยามว่างคุณชอบปลูกต้นบอนไซ ไว้ที่บ้านอาจลองเพาะพันธุ์ต้นบอนไซเพิ่มให้มีจำนวน มากขึ้น
และนำไปขายในอินเตอร์เน็ทหรือขายตลาดนัดวันหยุด วิธีนี้อาจทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมจนพัฒนาเป็นอีกชีพหลักได้ในที่สุด
4. ปล่อยวางแล้วมุ่งมั่นกับเป้าห ม าย
เมื่อคุณคิดทบทวน จนสามารถ ยอมรับกับปัญหาได้แล้วคงจะผ่อนคลายความทุกข์ลงได้บ้างไม่มากก็น้อย หลังจากนั้นขอให้คุณปล่อยวางปัญหาลง เราไม่จำเป็นต้องแบกภาระทุกอย่างไว้บนบ่าตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะเอากำลังเรี่ยวแรงที่ไหนก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
จากนี้ขอเพียงมุ่งมั่นที่จะปลดหนี้สินแล้วใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง จงมอบความเชื่อมั่นให้แก่ตัวเองอย่างเต็ม ที่ให้กำลังใจตัวเองว่าตัวเรายังทำอะไรได้อีกมากมาย ขอเพียงไม่เกียจคร้านและมีวินัยในการใช้เงินก็จะทำให้เราสามารถบริหารรายรับ-รายจ่ายได้อย่างสมดุล
และเหลือเงินไปผ่อนชำระหนี้ หากคุณยึดเอาสติปัญญา เป็นที่ตั้งแล้ว เชื่อว่าต้องเอาตัวรอดให้ผ่านพ้น วิ ก ฤ ต ชีวิตครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน