นิสัย 5 ข้อที่ควรเปลี่ยน เพราะจะทำให้ไม่มีเงินเก็บเลย

ใคร ๆ ก็อยากมีเงินเก็บ เยอะ ๆ กันทั้งนั้น ทางเราก็ตั้งใจเก็บหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมถึงเก็บไม่ได้สักที ใคร ใครทำให้เป็นแบบนี้ ที่เรายังเก็บเงินไม่ค่อยได้ นั้นอาจจะเป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้ …

1. หักห้ามใจตัวเองไม่ได้

ป้าย S A L E ขอให้บอ ก! เห็นของลดราคา ของจัดโปรโมชันพิเศษ ลิปสติกออ กใหม่

คอลเลคชันนั่นนี่มาใหม่ แล้วอดใจไม่ไหว ก็ของมันต้องมี ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ไม่รู้จะลดราคาอีกเมื่อไหร่

ทำให้ต้องควักกระเป๋าไปซื้อตลอด ตอนซื้อมัวแต่ชอปจนไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็งงแล้วงงอีก

ว่าเงินเดือนพึ่งออ กมา แล้วทำไมตอนนี้เหลือนิดเดียว แล้วก็ต้องมาบ่นกับตัวเองว่า นี่เงินเดือนคือเงินทอน !!!

วิธีแก้คือ เราต้องไม่เป็นทาสการตลาด ไม่เป็นทาสโปรโมชัน ถ้าจะให้ดีคือลิสต์ของที่จำเป็นและอยากได้เอาไว้

อันไหนใช้ด่วนส่วนอันไหนไม่มีก็ไม่เป็นไร แล้วพอของที่เราต้องการดัน S A L E ขึ้น มาก็นี่แหละเวลาของฉัน

ส่วนของชิ้นอื่น ๆ ที่เราไม่ได้อยากได้ ต่อให้ลด 90% ซื้อมาก็ไม่คุ้ม เพราะเราจะไม่ได้ใช้น้าาาา

2. ใช้ก่อนเก็บ

เรามักจะคิดว่า เงินที่ได้มา – ค่าใช้จ่าย = เงินเก็บ

เหลือเท่าไหร่ ค่อยเก็บ แต่ !!! มันไม่ค่อยเหลือให้เก็บหรอ กค่ะ

เราต้องเปลี่ยนสูตรเป็น เงินที่ได้มา – เงินเก็บ = ค่าใช้จ่าย

ต้องเก็บก่อน ค่อยใช้ ย้ำ “เก็บก่อนค่อยใช้” ได้เงิน มาเท่าไหร่ หักเก็บไปเลย 10% เป็นอย่างต่ำ

แล้วค่อย ๆ เพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 20% 30% 40% 50% แล้วแต่ที่เราไหว และใช้ชีวิตไม่ลำบาก

แล้วเงินที่เก็บไปแล้ว ห้ามเอาออ กมาใช้โดยเด็ดขาดน้าาาา ยกเว้นเคสที่จำเป็น มาก วิ ก ฤ ติ แล้ว

ถ้าไม่มีเงินก้อนนี้จะทำให้มีชีวิตอยู่ อย่างลำบาก ก็สามารถเอาออ กมาใช้ได้เป็นเคส ๆ ไป

3. ไม่ตั้งงบในการใช้จ่าย

ต่อจากข้อ 2 เมื่อเราเก็บก่อนใช้ ไปแล้ว เราก็ต้องตั้งงบสำหรับการใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

เช่น ค่าใช้จ่ายจำเป็น 50% เราก็ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถหรืออื่น ๆ ให้อยู่ใน 50% นี้

ถ้าค่าใช้จ่ายเราชนเพดานที่เราตั้งไว้แล้วเราก็ต้องยอมไม่ผ่อนไม่ซื้ออะไรเพิ่ม

แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จ่ายเพิ่มจริง ๆ ก็อาจจะต้องใช้วิธีหารายได้เพิ่ม เพื่อให้เรามีงบการซื้อที่มากขึ้นนั่นเอง

วิธีนี้จะทำให้เราคิดทบทวนกับตัวเอง ว่าอันไหนจำเป็นและต้องการจริง ๆ

เพราะเรามีโควต้าการซื้อของที่จำกัด อันไหนเป็นของที่เราไม่อยากได้ แต่สังคมบอ กว่าของมันต้องมี

เราก็จะไม่ซื้อไปเองอัตโน มัติ เพราะเรามีของที่อยากได้และจำเป็นกว่านั่นเอง

และอีกงบที่สำคัญมากก็คือ งบชอปปิง เราควรจะตั้งงบไว้เลยว่า เดือนนึงชอปปิงได้ไม่เกินเท่าไหร่

บางคนอาจจะเป็นคิดเป็น % เช่น จะชอปปิ้ง 10% ของรายรับที่ได้มา ยิ่งรายรับมากก็สามารถชอปได้มาก

รายได้ 20,000 ชอปปิงได้ 2,000 ถ้ารายได้ 50,000 ก็ชอปปิงได้เลย 5,000

แล้วถ้ารายได้ 200,000 ล่ะ ชอปไปเลย 20,000 บาท โอ้โห แค่คิดก็มีความสุขแล้วใช่มั้ย

วิธีนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราอยากหาเงินเพิ่มด้วยพลังงานบวก และจะทำให้ให้การหาเงินสนุกไปด้วย

เพราะยิ่งหาเงินเพิ่มเท่าไหร่ ยิ่งได้ซื้อของที่อยากได้มากขึ้นเท่านั้น

จะไม่เหมือนการทำงานหาเงิน เพื่อเอามาใช้หนี้ แบบนี้เราจะ เ ค รี ย ด และกังวลมากกว่าสนุก

4. บัตรเครดิต

บัตรเครดิต จะกลายเป็น ผู้ ร้ า ย ในโลกของการชอปปิงไปเลยถ้าเราหยุดตัวเองไม่ได้

บัตรเครดิตที่จริงมีข้อดีอยู่เยอะมาก เพราะมักจะมีโปรโมชัน มาให้เราใช้จ่ายได้ประหยัดขึ้น

มีเก็บแต้มเพื่อส่วนลดหรือและของ มี C a s h b a c k เงินคืน บางทีก็มี โ ป ร ผ่ อ น 0% 10 เดือน

บางทีมีให้ถึง 24 เดือนก็มี ช่วยให้เราได้ของที่จำเป็น มาใช้ก่อนโดยที่ไม่ต้องใช้เงินก้อน

หรือถึงเวลา วิ ก ฤ ติ เราก็ยังอุ่นใจว่าเรายังมีเงินสำรองเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

แนะนำว่าคนที่จะมีบัตรเครดิตเพื่อชอปปิงนั้น ต้องมีวินัยในการบริหารเงินดีอยู่แล้ว

วิธีง่าย ๆ คือ เปิดบัญชีขึ้น มา 1 บัญชี แล้วรูดชอปปิงไปเท่าไหร่ โ อ น ไปเก็บไว้ในบัญชีนี้เท่านั้น

เมื่อถึงรอบบิลก็นำเงินจากบัญชีนี้ มาจ่ายเต็มจำนวน !!! ย้ำว่าเต็มจำนวนเท่านั้นน้าาา

ถ้าเผลอจ่ายขั้นต่ำเมื่อไหร่ ดอ กเบี้ยจะบานหนักมากกก ดอ กเบี้ยหนักขนาดที่ต้องลืมเรื่องเก็บเงินไปเลย

เพราะต้องหาเงิน มาใช้หนี้ บัตรเครดิตทุกเดือนให้ได้ก่อน

5. ยังไม่รู้จักเครื่องมือสำหรับการเก็บออมและลงทุน

ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราเก็บเงินได้ถูกที่ ลงทุนได้ง่าย และได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น

หลายคนก็จะแนะนำให้เก็บเงินในฝากประจำ เพื่อบังคับให้เราเก็บเงินทุกเดือน

และไม่ให้ถอนออ กมาใช้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีสำหรับคนเริ่มสร้างวินัยในการเก็บเงิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.