1. คุณมีนิสัยใช้ก่อนเหลือค่อยเก็บ
แต่ความจริงแล้วคนไทยส่วน มาก คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ จากยอดสำรวจเกิน 50% ค่ะ ที่ใช้ก่อนเหลือค่อยเก็บ แต่ครึ่งในนั้นไม่เหลือให้เก็บด้วยนะสิคะ
หาได้ 100 ใช้ 150 หาได้ 10000ใช้ 12000 ถ้าคุณอยากรวยจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีประจำของคุณก่อนที่คิดจะใช้มัน
คนส่วนใหญ่พอได้รับเงินเดือน อย่างแรกเลย ช็อปปิ้ง อย่างที่สองจ่ายหนี้บัตรเครดิต บ้าน รถ ต่างๆ นาๆ อย่างสุดท้ายเหลือ ก็ใช้ไม่เก็บ บางคนหนักหน่อยไม่เหลือให้เก็บเลยด้วยซ้ำ ขั้นต่ำเลยนะคะ
หากคุณอยากมีเงินใช้ตอนเกษียณ โดยไม่ต้องไปขอออ กรายการทีวีขอบ ริ จ า คตังหรือ เป็นภาระให้คนอื่น คุณควรที่จะต้องเก็บเงินขั้นต่ำ ต้องบอ กเลยว่าขึ้นต่ำคือ 10% ของรายได้ของคุณ
ย้ำนะคะ ว่าขั้นต่ำ เก็บเยอะกว่านั้นก็ดีค่ะ บางคนเก็บ 1 ใน 3 ส่วนของรายได้ ทำแบบนี้ ยังไงอนาคตมีเงินใช้ตอนแก่แน่นอนค่ะ
2. คุณไม่มีเป้าห ม ายสำหรับเงินของคุณ
ถ้าคุณอยากสร้างฐานะ ให้ร่ำรวยขึ้น คุณควรวางแผนว่าคุณจะบริหารเงินคุณยังไง เช่น คุณอยากซื้อบ้าน? คุณอยากไปใช้ชีวิตต่างประเทศ? หรือ คุณอยากเที่ยวเดือนละครั้ง
แม้กระทั่งอยากเกษียณแบบไม่ขัดสน คุณควรที่จะสร้างตารางและวางแผน มันอย่างจริงจังคำนวณค่าใช้จ่ายและรายรับ “อย่าใช้เงินอนาคต” สำคัญ ที่สุดเลยข้อนี้ วางแผนค่ะวางแผน
3. คุณคิดว่าการที่จะเป็นคนรวยนั้นเป็นเรื่องไกลตัว
หลายคนบอ กว่าคนรวย มันก็รวยวันยังค่ำ คนจนหาเช้ากินค่ำจะทำยังไงให้รวย ไม่มีทาง ถ้าคิดแบบนี้ก็จนต่อไปนะคะ และคน 80% มักคิดว่าคนที่รวยนั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่ดวงดีและโชคดี
แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าคุณจะเกิดมาในพื้นฐานครอบครัวของคนจนหรือรวย คุณก็สามารถ กลายเป็นคนรวยได้ 80% ของคนรวยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้เกิดมาบนความรวย
แต่สร้างความรวยขึ้น มาเอง คุณต้องหัน มาถามตัวคุณเองแล้วละว่า คนที่มันรวยๆๆๆ กัน เค้าทำกันยังไง แล้วหาหนทางเริ่มมันซะ
4. จนป่านนี้แล้วคุณยังไม่เริ่มที่จะลงทุน
การหาเงินที่เหนื่อยน้อยที่สุด คือ การลงทุน คุณเริ่มเร็วแค่ไหน คุณก็เหนื่อยน้อยแค่นั้น จากการสำรวจ กลุ่มคนรวยทั้งหลายนำเงินที่หาได้ไปลงทุน ให้งอ กเงยต่อมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ของรายได้และทำเป็นประจำสม่ำเสมอทุกๆ เดือนและปี
คุณไม่จำเป็นต้องจบทางด้าน การลงทุน คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวยที่ซื้อหุ้นเยอะ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องคิดว่าการลงทุน
คือ การใช้เงินก้อนเริ่มแรกอย่างน้อยๆ คุณต้องเริ่มเก็บในส่วนที่คุณคิดว่า วันนึงถ้าไม่สามารถหาเงินได้แล้ว เราจะนำส่วนนั้น มาใช้ เริ่มจาก 5-10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ เริ่มซะวันนี้นะคะ
5. คุณซื้อและใช้ของที่มีราคาเกินตัว
เช่น บางคนรายได้เดือนละ 20000 บาท แต่เลือ กที่จะซื้อมือถือ เครื่องละ 25000 หรือ คุณรายได้เดือนละ 30000 แต่คุณซื้อรถราคาล้านต้นๆ
หรือ คุณยังไม่มีเงินฝากในบัญชีแต่พยายามหาซื้อนุ่นนี่ โดยการหยิบยืม หรือ คุณไม่รู้จักพอนั่นเอง กี่ปีกี่ชาติก็ไม่รวย
6. คุณไม่เคยคิดที่จะหนีความสบาย
หลายๆ คน เลือ กที่จะจน เพราะขี้เกียจไม่เคยที่จะพัฒนาตัวเอง คิดว่างานที่หาเงินได้มากๆต้องยากและไม่เห ม าะกับตัวเองทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองทำ
คิดว่าคนที่หาเงินได้เยอะคือคนฉลาด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ คนเหล่านี้ไม่มีทางรวย แน่นอน เลือ กความสบายโดยไม่กลัวความจน
7. คุณทำงานหนัก แต่ทำงานไม่ฉลาด
ก็เหมือนกับคำคมที่เราพูดๆ กัน จนติดหู “ขยันผิดที่ กี่ปีก็ไม่รวย” เพราะอะไร เราต่างก็ได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยเด็กๆว่า ทำงานหนักขยันแล้วจะรวย
แต่ความจริงแล้วการทำงานหนักหรือ ขยันไม่ได้ทำให้คุณรวยนะคะ คิดซะใหม่ การที่จะทำให้รวย คือ การที่เรานำเงินที่มีอยู่มาทำให้งอ กเงยขึ้น เช่นการลงทุน ต่างๆ นั่นเอง
8. คุณมัวแต่มองตามความฝันคนอื่น แต่ลืมมองหาความฝันในตัวคุณ
ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ นั่นห ม ายความว่า คุณควรกำหนดความฝันของคุณ และตามหามัน
บางคนพยายามทำตามเลียนแบบคนรวย คนที่ประสบความสำเร็จ โดยลืมไปว่าสิ่งที่เค้าประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ชอบไม่ได้รักที่จะทำ
เพราะฉะนั้น มันส่งผลกระทบให้ผลงานที่ทำหรืองานที่ทำของเราออ กมาไม่ได้ดี เช่น บางคนเห็นเพื่อนขายของ แล้วประสบความสำเร็จเลยอยากทำ บ้าง
แต่ตัวเองเป็นคนขายของไม่เป็น ไม่มีศิลปะในการพูดจา เพราะเหตุนี้เองเราควรที่จะกำหนดความฝันของเราและลงมือทำเพื่อเราจะได้ถึงฝันเร็วๆ
9. คุณรับค่าจ้างตามเวลา ไม่ได้รับค่าจ้างตามผลงาน
คนส่วนใหญ่ถูกจ้างและรับค่าจ้าง แบบราย ชั่ ว โมง รายสัปดาห์ รายเดือน โดยมีรายได้ที่มั่นคงเป็นเงินเดือน ไม่ว่าเดือนนั้นจะทำงาน มากน้อยแค่ไหนก็จะมีรายได้เท่าเดิม
แต่คนรวยนั้นหาเงินตามผลงาน ทำเยอะหน่อยลงแรง และให้ความใส่ใจก็จะได้เงินตามผลงานที่ได้ทำไป ไม่ได้เหนื่อย หรือโดนใช้งานเกินความจำเป็น เช่น เ ซ ล ล์ เป็นต้น
10. คุณให้ความสำคัญกับการฝากเงิน มากเกินกว่าการที่จะหาเงินเพิ่ม
อีกหนึ่งหนทาง ของการหาเงินแบบฉลาดก็คือ ไม่ใช่แค่เพิ่มเงินฝาก แต่พยายามหารายรับเพิ่มด้วยหรืออีกทางนึงก็คือใช้จ่ายให้ประหยัดขึ้นนั่นเอง
อย่างที่กลุ่มเศรษฐีชอบพูดกันว่า “หยุดกังวลว่าเงินที่มีจะหมด ให้กังวลว่าจะทำยังไงให้หาเงินให้ได้มากกว่าเดิม”