คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักใช้ความเป็นผู้ใหญ่มองเด็ก โดยบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เด็กคิด นั้นอาจเป็นอีกหนึ่งมุมมองของเขา
มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พ่อแม่อาจไม่เคยรู้ ว่าสิ่งที่ทำกับลูกในทุกวันนี้อาจส่งผล ทําร้ า ย จิตใจลูก ได้มากที่สุด
1. เมินเฉยกับการทำดีของลูกหรือรู้สึกยินดีแบบผ่าน ๆ
ผู้ใหญ่มักมอง เห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของลูกเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และให้ความยินดีแค่เพียง ๆ ผ่าน แทนที่จะมองว่าผลลัพธ์ในสิ่งที่ลูกทำได้ดีนั้น จะเป็นการต่อยอดไปสู่ผลงาน
หรือความสำเร็จที่ดีในอนาคตของเขาได้หาก ได้รับการส่งเสริมที่ดีจากพ่อแม่ การเมินเฉยหรือ การยินดีแค่เพียง ชั่ ว ขณะอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจ และไม่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้
2.ทำ ร้ า ย ความมั่นใจของลูก
พ่อแม่หลายคนเผลอไป ทำร้ า ย ความมั่นใจของลูกโดยไม่รู้ตัว เข่น การพูดถึงข้อด้อยของลูกต่อผู้อื่นหรือในที่สาธารณะหรือ การบังคับให้ลูกทำอะไร
โดยที่เขายังไม่พร้อมหรือ กล้า การทำแบบนี้ของพ่อแม่ จะทำให้ลูกกลายเป็นคนขาดความมั่นใจและ ทำ ร้ า ย จิตใจของลูกได้นะคะ
3. เปิดเผยความลับ ของลูกให้คนอื่น
แท้จริงแล้วพ่อแม่คือ ที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของลูก แต่เด็กในสังคมไทยปัจจุบันกลับเลือ กปรึกษาเพื่อนก่อนพ่อแม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบางเรื่องพ่อแม่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
หรือเป็นเรื่องที่มองข้ามความสำคัญของลูกไป หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จนลูกมองว่าพ่อแม่ ช่วยอะไรไม่ได้ แต่สาเหตุหลักคือเรื่องของความลับที่เด็กไม่อยากให้คนจำนวน มากรู้
หากมีเรื่องสำคัญนั้น ร้อยละ 80 ลูกมักจะเลือ กบอ กแม่ แต่แม่ก็อาจจะนำความลับนี้ ไปปรึกษาพ่อหรือคนอื่น ซึ่งการทำแบบนี้อาจทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไหววางใจหรือเชื่อใจ
ที่จะบอ กความลับตนเอง จึงมักทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้
4.มองข้ามการแสดงความคิดเห็นของลูก
ผู้ใหญ่มักแสดงความไม่พอใจ ต่อเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดี โดยอาจใช้การ ดุด่า ต่อว่า แต่เด็กร้อยละ 90 ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจในตัวผู้ใหญ่ออ กมาได้ และหากกล่าวว่าผู้ใหญ่ผิดก็ทำให้มองว่าเป็นเด็กไม่ดี
ทำตัวไม่เห ม าะสม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพ่อแม่สามารถเป็นแบบอย่าง ให้ลูกในการแสดงออ กและเปิดใจให้กว้างต่อ การฟังความคิดเห็นจากทุกคนในครอบครัว ยอมรับความผิดถูกและช่วยกันแก้ปัญหา
เพื่อให้ลูกกล้าแสดงออ กและรู้จัก ที่จะยอมรับในสิ่งผิด อันจะเป็นรากฐานต่อ การใช้ชีวิตในสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น
5. ใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง ด่าว่าลูก
การใช้ถ้อยคำที่ว่ากล่าวตักเตือน เมื่อเด็กทำผิด ไม่ใช่การด่าว่า ใช้คำ รุ น แ ร ง ส่ อ เ สี ย ด เพื่อให้เด็กกลัว หรือหลาบจำ เพราะการทำแบบนี้นอ กจากจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี
ยังทำให้เด็กไม่มีความสำนึกผิด หนำซ้ำยังคิดจะทำครั้งต่อไป แบบที่ไม่ทำให้โดนจับได้เพื่อจะได้ไม่โดนด่า แถมยังเกิดการเลียนแบบถ้อยคำ ห ย า บ ค า ย จากผู้ใหญ่อีกด้วย
6. นำเรื่องที่เคยทำผิดของลูกมากล่าวว่าซ้ำ ๆ
ผู้ใหญ่ส่วน มาก เวลาดุเด็กที่ทำผิด มักจะนำเรื่องของลูกที่เคยทำผิดมาแล้วมา กล่าวว่าซ้ำ ๆ เหมือนเป็นการตอ กย้ำซ้ำเติมลูกเข้าไปอีก และร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้
จะหยุดก็ต่อเมื่อเด็กเกิดอาการเสียใจ การทำแบบนี้ ถือเป็นการกระทำที่ ทำ ร้ า ย จิตใจลูกได้มาก และจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึก เ จ็ บ ใจ โกรธ จนทำให้ลูกไม่คิดจะปรับปรุงตัวให้เป็นเด็กที่ดีขึ้นง่าย ๆ แน่
7. ใช้ความ รุ น แ ร ง กับลูก
หมดยุคการลงโ ท ษ โดยใช้ไ ม้เ รี ย วตีลูกเพื่อสร้างให้เป็นคนดีกันแล้ว เพราะการตีหรือใช้ความ รุ น แ ร ง กับเด็กไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือปรับนิสัยลูกให้เป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวังได้
แต่จะเป็นการซ้ำเติมให้ลูกมีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก ความ รุ น แ ร ง ระหว่างพ่อแม่ ทະ เ ล า ະกัน หรือความ รุ น แ ร ง ที่ทำต่อลูกล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ที่ยิ่งทำให้ลูกมีอาการต่อต้านหนักขึ้น
และจะกลายเป็นภาพจำ ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าวต่อไปได้ในอนาคต
8. อารมณ์เสียใส่ลูก
พ่อแม่ที่อารมณ์เสีย หรือทະ เ ล า ະกัน บางครั้งก็มักจะอารมณ์เสียใส่ลูกโดยไม่รู้ตัว หรือพาลไปหาเรื่องลูก ลงใส่ลูก
การทำแบบนี้นอ กจากจะเป็นการทำร้ า ยจิตใจลูกโดยง่ายแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่มีเหตุผลจนไม่คิดจะเชื่อถือได้
9. ลงโ ท ษเมื่อลูกทำผิด
พ่อแม่จำนวน มากคิดว่าการลงโ ท ษ คือวิธีที่จะทำให้เด็กจดจำและจะไม่ทำผิดอีก แต่กลับตรงกันข้ามวิธีนี้จะทำให้ทำให้ลูกรู้สึกเสียใจ กลายเป็นเด็กที่เก็บกด และกลัวความผิดพลาด
จนกลายเป็นคนขี้ระแ ว งได้ วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบ เมื่อลูกทำผิดพลาด อธิบายเหตุผลว่าทำไมนี้คือสิ่งที่ลูกทำผิด จะมีผลเสียอย่างไร พร้อมทั้งแนะนำ
ช่วยกันหา วิธีคิดแก้ปัญหาให้กับลูก หรือใช้วิธีลงโ ท ษแบบนุ่มนวล เช่น การลงโ ท ษแบบ time in หรือ time out
10. เอาความคิดของตัวเอง เป็นหลักและไม่ใจกว้างที่จะเข้าใจลูกตัวเอง
พ่อแม่อาจจะจด วันเดือนปีเกิดของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ แต่การรู้จักลูกในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ห ม ายความว่า คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกคิดได้
หากคุณยังต้องการให้ลูกต้องทำนู่นนั่นนี่ในแบบที่พ่อแม่คิด โดยไม่ถามความสมัครใจ หรือไม่ได้สังเกตอาการ สีหน้า ความสุข ของลูกเลย พ่อแม่ทุกคนอยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
แต่นั้นก็ไม่ได้ห ม ายความว่าจะห้ามตี ห้ามดุไปเลยทีเดียว แต่ควรทำแบบพอดี ไม่มากเกินไป ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใช้ความจำเป็นให้มากกว่าความต้องการ
เพื่อไม่เป็นการ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก และสร้างลูกให้เป็นคนดีต่อไปเพื่อความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่เมื่อเขาเติบโตขึ้น มานะคะ