7 นิสัย ที่พาจน..รู้ก่อนจะสายเกินแก้

1.ใช้จ่าย โดยไม่คิด นิสัยที่ทำให้จน

การใช้จ่าย โดยไม่ยั้งคิด นั้นถือเป็นนิสัยที่เป็นสาเหตุ อันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้คน มีปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่คงไม่ต้องการ การอธิบายอะไรมาก เพราะคุณคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าลักษณะการใช้จ่าย

โดยไม่คิดนั้นเป็นอย่างไร ก็คือมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายไปเรื่อย ๆโดยไม่สนใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้นนั่นเอง ซึ่งนิสัยนี้จะนำพาคุณ ไปสู่การเป็นหนี้สิน โดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อเงินหมดก็ต้องหันไปพึ่งบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดนั่นเอง

วิธีแก้: การแก้ไขไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณ ต้องเริ่มเรียนรู้ ที่จะยับยั้งชั่งใจ คิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะซื้ออะไรก็ตาม ใช้เวลาพิจารณาถึงความคุ้มค่าของสิ่งนั้นรวมไปถึงคิดว่า ถ้าหากคุณซื้อของสิ่งนั้น มาคุณจะมีเงินเหลือเพื่อสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ อย่างอื่นหรือไม่

คุณจะไม่มีเงินเก็บ หรือไม่ หากคุณคิดพิจารณาก่อนซื้อ ก็จะทำให้ความอยากได้ลดน้อยลง เพราะมีความเป็นเหตุเป็นผลมากยิ่งขึ้น

2.หวังเอาแต่ น้ำบ่อหน้า

การเล่น ห ว ย รวยเบอร์เรียกได้ว่าเป็นสิ่ง ที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่ละงวดนั้นกองสลากฯ มีเงินหมุนเวียนเป็นพันล้านบาท เลยทีเดียว ลองคิดดูสิว่าคนไทยเสียเงินให้กับน้ำบ่อหน้านี้มากมายแค่ไหน

ซึ่งถ้าจะลองมองย้อนไปดูตามสถิติ มีคนเพียงไม่กี่คน เท่านั้นที่ถูกรางวัลใหญ่ ๆ จนร่ำรวย ส่วนคนอีกมหาศาล นั้นเสียเงินแต่ละงวดหลายพันไปเปล่า ๆ โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมา รวมกันปีหนึ่งเสียเงินนับหมื่นกันเลยทีเดียว

วิธีแก้: อย่างที่รู้กันว่าขึ้นชื่อว่า ห ว ย ไม่เคยทำให้ ใครรวย หากอยากรวยจริง ๆ เปลี่ยนเงินที่ใช้เล่น ห ว ย มาเป็นเงินเก็บเสียดีกว่า ลองคิดเล่น ๆ หากคุณซื้อล็อตเตอรี่งวดละ 2 ใบ

เป็นเงิน 160 บาทเดือนหนึ่งคุณจะเสียเงิน 320 บาท ปีหนึ่งจะเสียเงินถึง 3,840 บาท แม้มันจะไม่มากนัก แต่มันก็ไม่ใช่เงินน้อย ๆ สามารถเอาไปทำอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว

3.มีทัศนคติ “เป็นคนรวยก็ใช่ว่าจะมีความสุข”

คำพูดที่ว่า “เป็นคนรวย ก็ใช่ว่าจะมีความสุข” ถ้ามองดูให้ลึกนั้น มีนัยยะแอบแฝงถึงความอิจฉา รู้สึกด้อยค่า และมีสภาวะจิตใจ ที่ไม่มั่นคง เป็นการกดผู้อื่นให้ แ ย่ ลงเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองดีกว่าทั้ง ๆ ที่การไม่มีเงินและการเป็นหนี้นั่นแหละ ที่ทำให้คุณไม่มีความสุข

ไม่ใช่เพราะความร่ำรวยแต่อย่างใดเลย และการที่มีทัศนคติ เ ก ลี ย ด ความร่ำรวย แบบนี้แหละ ที่ทำให้คุณสะกดจิตตัวคุณเองให้มีพฤติกรรม ที่ทำให้คุณจนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากในใจลึก ๆ คุณคิดว่าคุณไม่อยากเป็นคนรวยเพราะคิดว่าคนรวยนั้นไม่มีความสุข

วิธีแก้: แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน หากคุณมีทัศนคติที่ดีต่อ การเงินและการใช้ชีวิต พฤติกรรมการใช้เงิน และการใช้ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ตามความคิดของคุณ คำพูดที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” คือเรื่องจริง หากคุณคิดว่าคุณจะร่ำรวยคุณจะมีความสุขลักษณะการดำเนินชีวิตก็จะเป็นไปตามนั้น

เช่น แต่ก่อนคุณไม่คิดถึงเรื่องการเก็บเงิน เพราะมีทัศนคติ “รวยก็ใช่ว่าจะมีความสุข” เอาเงิน มาซื้อความสุข ชั่ ว คราวให้หมดเลย แต่เมื่อคุณเปลี่ยนความคิด คุณก็จะเริ่มเก็บเงิน เริ่มนำเงินเก็บไปลงทุน หรือหาทางทำให้เงินงอ กเงย เป็นต้น

4.สร้างหนี้สิน เพราะวิถีชีวิตเกินตัว

คนบางมีความอยากได้อยากมี เกินรายได้ที่ตัวเอง ได้รับ เห็นคนอื่น มีของแพง ๆ ก็อยากได้บ้าง เพื่อหน้าตา เพื่ออวดคนอื่นว่าตัวเองก็มี โดยที่ไม่ได้มองเงินในกระเป๋าตัวเองเลย

แล้วถ้าเงินไม่มีจะทำอย่างไรล่ะ ก็ต้องใช้บัตรเครดิตสิสะดวกดี ไม่ต้องเสียเงินสดแค่รูดปรื๊ดเดียว ก็ได้ของมาแล้ว โดยไม่คิดคำนึงถึงอัตราดอ กเบี้ยที่จะถาโถมเข้ามาให้คุณแทบล้มทั้งยืนในภายหลัง

วิธีแก้: ทางแก้นั้นไม่ยาก คล้าย ๆ กันกับข้อที่ 1. นั่นคือมีความยับยั้งชั่งใจให้มาก ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อของ อะไรก็ตามและที่สำคัญ ต้องรู้จักการใช้บัตรเครดิตที่ถูกวิธีใช้บัตรเครดิตอย่างไร

ไม่ให้ตกเป็นทาสของมัน เพราะบัตรเครดิตนั้นหากใช้อย่างถูกวิธี จะถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คุณประหยัดเงินขึ้นได้ด้วยนะ

5.เรื่องการเงิน น่าเ บื่ อ ไม่อยากสนใจ

ถ้าพูดถึง การวางแผนทางการเงินบางคน ถึงกับเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกว่ามันคือเรื่องน่าเ บื่ อมาก ตัวเลขวุ่นวายน่า ป ว ด หั ว ทำไมจะต้องวางแผน การเงินอะไรด้วย มีเงินก็ใช้ไปสิไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย

ซึ่งนี่คือความคิดที่ผิด และอาจจะทำให้คุณชักหน้าไม่ถึงหลังได้ บางคนผ่านไปแค่กลางเดือนเงินก็หมดแล้ว อีกครึ่งเดือนที่เหลือ ก็ต้องจำกัดจำเขี่ย กินแต่บะหมี่กึงสำเร็จรูปซึ่งส่งผลต่อ สุ ข ภ า พ ในระยะยาว

ซึ่งอาจจะทำให้คุณต้องเสียเงิน ก้อนใหญ่เพื่อ รั ก ษ า สุ ข ภ า พ ของตัวเองในอนาคต

วิธีแก้: คุณรู้หรือไม่ว่า การวางแผนเรื่องเงินทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญและช่วยให้คุณประหยัดเงินและมีเงินเก็บมากยิ่งขึ้น

เพราะมันจะทำให้คุณรู้ความเคลื่อนไหวของสถานะการเงินของคุณอยู่ตลอดเวลา และทำให้คุณรู้ว่าคุณใช้เงินไปมากเกิน ความจำเป็นหรือไม่

คุณจะได้ปรับพฤติกรรมได้ทันไม่ให้บานปลายจน มีปัญหาทางการเงินได้

6.เงินเก็บ คืออะไร ไม่เคยรู้จัก

บางคนใช้จ่ายเงินโดยไม่ยั้งคิดไม่พอ ยังไม่รู้จักเก็บออมเงินด้วย ซึ่งถือเป็นหายนะ ทางการเงินเลยทีเดียว เพราะถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น มา

เช่น ตกงานกระทันหัน ป่ ว ย ต้องเข้ารับการ รั ก ษ า ใน โ ร ง พ ย า บ า ล เป็นต้น คุณจะเอาเงินที่ไหน ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำไปใช้จ่ายในเหตุการฉุกเฉินเหล่านั้น

แล้วถ้าล่ ว งเลย เข้าสู่วัยเกษียณล่ะ จะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย จะไปสมัครงานก็ไม่มีใครจ้างเพราะผิด ก ฎ ห ม า ย เบี้ยเลี้ยงจาก รั ฐ บ า ล ก็น้อยนิด จะเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไรในช่วงบั้นปลายชีวิต

วิธีแก้: ไม่มีเงินเก็บ ก็ต้องเริ่มวางแผน เก็บเงินเสีย ตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดียามแก่ชราและเพื่อความไม่ลำบากหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ในส่วนของการเก็บเงินเพื่อเหตุฉุกเฉิน

นั้นอาจจะเก็บเอาไว้เป็นจำนวนเท่ากับรายได้ ต่อเดือนของคุณสัก 3-6 เดือนส่วนเงินเก็บเพื่อ การเกษียณนั้น ควรเริ่มต้นเก็บทันทีที่คุณเริ่มต้นทำงาน เก็บไปเรื่อย ๆ

เดือนหนึ่งอาจจะไม่ต้องมาก แต่ถ้าใช้ระยะเวลานาน รับรองว่ามากมายมหาศาลแน่นอน

7.ใช้ชีวิต ไปวัน ๆ โดยไม่คิดถึงอนาคต

การไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง แน่นอน มันไม่ใช่ เรื่องเสียหาย แต่การไม่มีเป้าห ม ายในชีวิตนั้น จะส่งผลในแง่ลบต่อตัวคุณ เองแน่นอน เพราะจะทำให้คุณใช้ชีวิตไปวัน ๆ มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้ไปโดยไม่คิด

ไม่รู้จักเก็บออมถ้าคุณใช้ชีวิตแบบนี้ไปจนแก่ หลังจากเกษียณอายุ ไม่มีคนจ้างงานแล้ว คุณจะมีรายได้ที่ไหนหรือถ้ายังมีคนจ้าง คุณจะยังมีเรี่ยวแรงทำงานไปได้อีกมากแค่ไหน

วิธีแก้: เพียงแค่ตั้งเป้าห ม าย ให้กับชีวิตคุณ เช่น คุณจะมีบ้าน มีรถ โดยซื้อเงินสดหรือผ่อน ให้น้อยที่สุด ก็จะทำให้คุณเริ่มต้นเก็บเงินและมีความพยายามในการเก็บเงิน

หรือคุณตั้งเป้าห ม ายว่าจะไปท่องเที่ยว ให้สบายใจหลังจากเกษียณอายุ คุณก็ต้องเริ่มต้นตั้งเป้าจำนวนเงิน ที่จะเอาไว้ใช้จ่ายในช่วงนั้น และเริ่มต้นเก็บออมเงิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.