1. เราไม่ได้เกิดมา เพื่อทำงานอย่างเดียวนะ
เราไม่ได้ทำงานแล้วกลับบ้านแฮปปี้ทุกวัน บางครั้งกลับไปบ้านแล้วอย า กจะลาออ กมันซะ แต่ถ้าเรา
มีเป้าห ມ ายอื่นๆในชีวิต เช่น เก็บเงินซื้ อ บ้ า น รถ เที่ยว การเปลี่ยน มาทำเรื่อง ที่เราชอบ
จะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจได้อีก เพราะการเฟลจากที่ทำงาน มักทำให้เราเสียกำลังใจ
มันส่งผลถึงการเข้าสังคมการตัดสินใจในเรื่องงาน เช่น เรามีเพื่อนคนนึง ชอบตั ดเย็ บเสื้อผ้ามาก
จริงจังขนาดลงค อร์ สเรียนตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าข ายด้วย การที่เราตั้งใจทำงานเป็นเรื่องที่ดี
แต่หาอย่างอื่นทำบ้ า งชีวิตจะได้ไม่เฉา อยู่แต่ในที่ทำงาน จะมีชีวิตชีวา สดใสบ้าง
2. ต้องเป็น ลูกจ้างมืออาชีพ
อย ากประสบความสำเร็จในการเป็น มนุษย์เงินเดือนและมีความสุข จงเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ให้ได้
ลูกจ้างมืออาชีพ ก็คือคนที่ตระหนักได้ถึง “ถูกจ้างมาด้วยค่าตอบ แทนจำนวนนึง” นั่นคือว่าบริษัท
เขาต้องการอะไรบางอย่างจากเรา เราต้องรู้ว่าบริษัท จ้างเรามาทำอะไร
และทำมันให้ดี กว่าที่บริษัทคาดหวังให้มาก ถ้าต้องการความก้าวหน้าในงาน
ถ้างานที่ทำอยู่ รู้สึกว่าไม่ตรงกับความสามารถหรือ passion ที่มีก็ไม่ควรทนทำ
ควรจะหาอะไรที่เราทำแล้วเรามีความสุข เพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออ กมา
นอ กจากจะทำให้เราเติบโต ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดไม่เบื่ อ แต่ก็ไม่ได้จะเชี ยร์ให้เป็นคนเหยี ย บขิ้ไก่
ไม่ฝ่อ เราควรอดทนทำไปจนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้เองว่า ควรไปทางไหนต่อดี อายุเท่านี้ไม่ต้องกลั วการลาออ ก
จะลาออ กกี่ครั้งก็ได้ หากในที่สุดเราเจอส ายอ าชีพที่เรารักและต้องการจะทำ มันคุ้มค่ามาก
อีกอย่างนะอย่าทำงานหนักเกินกว่า ค่าตอบแทนจนเกินไป ทำงานน่ะทุ่มเทได้แต่ต้องมีผลลัพธ์ที่ดี
ตามออ กมา อย่างได้ประเมินดี เงินเดือนขึ้น และอีกอย่างคือหาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆ บ้ า ง ว่าตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ?
อย่าลืมว่าพ่อแม่ แก่ลงทุกวันดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนใด มีเงินเหลือ ก็ตรวจสุ ข ภ า พ
ให้ท่านแล้ว หาเวลาไปมันไม่ลำบากเลย แลกกับความสุขของท่าน เข้าใจนะ
3. อย่าเป็นตัวเองเกินไป ในโลกอ อนไ ลน์
หลายคนว่าโลกอ อนไ ลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่รู้รึเปล่าว่า H R สมัยนี้ นอ กจาก resume เราแล้ว
เขายังดูเฟ สเราด้วยเพื่อนเราที่เป็น H R บอ กว่าหน้าเฟสบอ กความเป็นตัวตนของเราได้มากกว่าไง
สิ่งที่เราโพสลงบนโลกอ อนไ ลน์ มีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างาน เมื่อเราเป็น มนุษย์เงินเดือนเต็มตัวนั้น
เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง ถ้าคุณต้องการพื้นที่ส่วนตัวจริงๆให้แยกเฟสที่ทำงาน
กับ เฟสส่วนตัวแล้วปิดสาธารณะ ยิ่งเรื่องดร าม่ าในที่ทำงานเบื่ องานเบื่ อหัวหน้า
อย่าโพสต์เชียว โพสต์ปุ้บ มีคนแคปไปฟ้ องแน่นอน มันจะลำบากเอาน่า
4. เล่นการเมื องกับทุก ๆ คน
ไม่ได้ห ມ ายความว่า ให้เราไม่จริงใจกับใครหรอ กนะ แต่การเล่นการเมื องกับทุกคนคือ
การที่เราดูว่าคนนี้ เป็นคนแบบไหน จะเข้ากับเขาได้ยังไง ไม่ได้บอ กว่าให้สตอเบอร์รี่
ฝืนตัวเองมากๆ นะ เพราะคนเราก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมา ในสังคมที่ต่างกัน
การที่เรารู้ว่าจะ “อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็น มิตร” ได้ยังไงนั้น จะทำให้เราได้เปรียบ เพราะนอ กจากวางตัวง่าย
เราจะไม่มีศั ต รู เพราะเราไม่รู้หรอ กว่า โลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับใครฉะนั้นแล้ว อย่าสร้างศั ต รูเชียว!
5. โดนด่ าวันนี้ ดีกว่าโดนด่ าตอนอายุ 50
ความที่อายุเรายังน้อย นี่คือข้อได้เปรียบ เพราะอายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนรอบข้าง
มันเลยน้อยไปด้วย ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึก กดดันในการทำงาน แต่เชื่อเถอะ
เราล้มเหลววันนี้ มันดีกว่าเราไปล้มตอน 50 เพราะถึงวันนั้นจะไม่มีคนคุ้มกะล าหัวแล้วนะ
6. มีแฟนในที่ทำงานได้ แต่ต้องยอมสิ่งที่ตามมา
หากคุณเป็นคนที่แยก เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออ ก อย่ามีแฟนในที่ทำงานดีกว่านะ
แต่หากคบแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา อาจต้องเจอเหตุการณ์เช่น ทะเล า ะกับแฟน มาแล้วต้องมาคุ ยงานกันงี้
การจะแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออ กจากกันได้ มันไม่ง่ายนะ หากไม่ต้องเจอหน้ากัน
ก็ยังพอโอเค แต่หากทีมเดียวกัน อาจจะเหนื่อยหน่อย
7. หาคนที่เป็น มากกว่าเพื่อน ในที่ทำงานให้เจอ
“เพื่อน” กับ “เพื่อนร่วมงาน” มันต่างกันยังไง? ที่เขาบอ กว่ายิ่งโตยิ่งหาเพื่อนย า ก ก็คงจะจริง
สมัยประถมการหาเพื่อนใหม่ไม่ย า กเหมือน มัธยมและการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาลัย
มันคือยิ่งเราโตขึ้นเราจะหาเพื่อนย า ก และไม่ต้องบอ กเลยว่า การหาเพื่อนที่จริงใจในออฟฟิศเนี่ย
มันย า กแค่ไหนนอ กจากจะมีเรื่องผลตอบแทน เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยว หน้าที่หลักของมนุษย์
เงินเดือนอย่างเราๆ เนี่ยคือไปทำงานไม่ได้ไปทำกิจกร ร มสานสัมพันธ์ เพราะฉะนั้น วันๆ จึงจะเจอแค่เพื่อนร่วมทีม
แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงาน การมีทีมที่อยู่ ด้วยและสนิทใจเราคิดว่ามันคือ กำไรชีวิต
จงหาคนเหล่านี้ให้เจอแล้วเราจะอย ากไปทำงาน มากขึ้น ถามตัวเองว่า “ถ้าเราลาออ กจากที่นี่
เรายังจะอย า กนั ดคนนี้กินข้าวกันไหม?” หากคำตอบคือใช่ นั่นแหละคุณเจอเพื่อนจริงใจในที่ทำงานแล้ววนะ
8. แต่อย่าใส่ใจลู่วิ่งคนอื่น โฟกัสที่ลู่วิ่งเรา
หากทำงานไปนานๆ เราอาจเห็นเพื่อนของเราหลายคนเริ่มออ กไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว
หรือเปลี่ยนงานไปงาน ที่เงินเดือนสูง คนนั้นคนนี้ได้ดีแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่? ควรจำไว้ว่า อย่าเอาจังหวะชีวิต
ของเราไปเทียบกับใคร โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่ากำลังจะทำอะไร รู้ว่าปลายทางเราต้องการอะไร
แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง ให้มันเป็นแร งผลักดันตัวเองให้พย า ย า มมากๆ แต่อย่าเอามาทำให้ตัวเองทุกข์